การเขียนเซต
นอกจากจะเขียนวงกลมหรือวงรีล้อมรอบสมาชิกทั้งหมดของเซตแล้ว
เรายังมีวิธีเขียนเซตได้อีก 2 วิธี ดังนี้
1) วิธีแจกแจงสมาชิก (Tubular
form) มีหลักการเขียน
ดังนี้
- เขียนสมาชิกทั้งหมดในวงเล็บปีกกา
- สมาชิกแต่ละตัวคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,)
- สมาชิกที่ซ้ำกันให้เขียนเพียงตัวเดียว
- ในกรณีที่จำนวนสมาชิกมาก ๆ ให้เขียนสมาชิกอย่างน้อย 3 ตัวแรก แล้วใช้จุด 3 จุด
(Tripple dot) แล้วจึงเขียนสมาชิกตัวสุดท้าย
2) วิธีบอกเงื่อนไขของสมาชิก
(Set builder form) หลักการเขียนมีดังนี้
1. เขียนเซตด้วยวงเล็บปีกกา
2.กำหนดตัวแปรแทนสมาชิกทั้งหมดตามด้วยเครื่องหมาย | (| อ่านว่า "โดยที")่
แล้วตามด้วยเงื่อนไขของตัวแปรนั้น ดังรูปแบบ {x | เงื่อนไขของ x}
เซต
|
แบบแจกแจงสมาชิก
|
แบบบอกเงื่อนไข
|
A
เป็นเซตของจำนวนเต็มบวกที่มีค่าน้อยกว่า
5
|
A = {1, 2, 3, 4}
|
A = {x | x เป็นจำนวนเต็มบวกที่มีค่าน้อยกว่า 5}
|
B
เซตของวันในหนึ่งสัปดาห์
|
B = {วันอาทิตย์, วันจันทร์, วันอังคาร, วันพุธ, วันพฤหัสบดี, วันศุกร์, วันเสาร์}
|
B = {x | x เป็นชื่อวันในหนึ่งสัปดาห์}
|
C
เป็นเซตของตัวอักษรในภาษาอังกฤษ
|
C = {a, b, c, ... ,z}
|
C = {y | y เป็นตัวอักษรในภาษาอังกฤษ}
|
เอกสารประกอบการเรียนรู้
เรื่อง เซต (Set)
คณิตศาสตร์ (สาระพื้นฐาน)
เรื่อง เซต (Set)
คณิตศาสตร์ (สาระพื้นฐาน)
บทนำ
ในการศึกษาวิชาคณิตศาสตร์
จะเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้คำใหม่ๆ โดยกำหนดบทนิยามของคำเหล่านั้น โดยบอกความหมายไว้ชัดเจนและรัดกุม
แต่ในคำบางคำก็ไม่จำเป็นต้องให้บทนิยาม เราเรียกคำที่ไม่ต้องนิยามว่า “อนิยาม” นักคณิตศาสตร์ เริ่มเห็นความสำคัญของอนิยามเมื่อประมาณร้อยปีมานี้ ในการให้บทนิยามคำใดก็ตามต้องอาศัยคำพื้นฐานบางคำ
ถ้าให้บทนิยามพื้นฐานเหล่านี้อีก ก็จะมีคำที่ต้องบทนิยามเพิ่มขึ้น ในที่สุดก็จะกลับมาคำเก่า
วนเวียนไปมาเช่นนี้ จึงต้องใช้คำบางคำโดยไม่ต้องบทนิยาม แต่เมื่อกล่าวถึงคำๆ นั้น เราจะทราบความหมายของคำๆ
นั้น เช่น คำว่า จุด , เส้น
, ระนาบ เป็นต้น
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเซตและสมาชิกของเซต
คำว่า เซต และ สมาชิกของเซต
เป็น อนิยาม เราไม่พูดว่าเซตคืออะไร หรือ ไม่พูดว่า สมาชิกของเซตคืออะไร แต่มีหลักในการพิจารณาว่า
ถ้ากำหนดเซตหนึ่งและสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาให้แล้ว เราสามารถบอกได้ว่า สิ่งที่กำหนดให้นั้นเป็นสมาชิกของเซตที่กล่าวถึงหรือไม่
ในวิชาคณิตศาสตร์ เราใช้เซตในความหมายของคำว่ากลุ่มของสิ่งต่างๆ
โดยที่เมื่อกล่าวถึงกลุ่มใดแล้ว สามารถทราบได้แน่ชัดว่า สิ่งของที่อยู่ในกลุ่มนั้นมีอะไรบ้าง
หรือทราบได้ว่า สิ่งใดจะอยู่ในกลุ่ม และสิ่งใดไม่อยู่ในกลุ่มนี้โดยไม่กำกวม
ลองพิจารณากลุ่มที่เราสนใจต่อไปนี้ว่าเกิดเซตหรือไม่
1. วันในหนึ่งสัปดาห์
2. เดือนในหนึ่งปี
3. จังหวัดในประเทศไทยที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ “ป”
4. สระภาษาอังกฤษ
5. จำนวนเต็มบวกซึ่งหารด้วย 5 ลงตัว
ที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของกลุ่มของสิ่งของที่ถือว่าเป็น
เซต
ลองพิจารณากลุ่มที่เราสนใจต่อไปนี้ว่าเป็นเซตหรือไม่
1. นักเรียนเก่า
2. คนสวยในประเทศไทย 5 คน
3. ผลไม้ที่อร่อยที่สุดในโลก 5 ชนิด
4. คนที่น่ารักที่สุดในประเทศไทย
5. คนที่ร่ำรวยในประเทศไทย
กลุ่มของสิ่งของลักษณะนี้ไม่เกิดเซต
เราไม่ทราบได้แน่ชัดว่ามีสิ่งใดอยู่ในกลุ่มนี้บ้าง เพราะมาตรฐานที่ใช้บอกความอร่อย , ความสวย , ความน่ารัก
, ความเก่ง ฯลฯ ของแต่ละคนไม่เหมือนกันซึ่งกำกวม
ตามที่กล่าวมาแล้ว ถ้ากล่าวถึงเซต
เราจะทราบได้แน่ขัดว่ามีสิ่งใดบ้างอยู่ในเซตนี้ เราเรียกสิ่งที่อยู่ในเซตว่า “สมาชิกของเซต”
ข้อตกลงเกี่ยวกับสัญลักษณ์ของเซต
1. ใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ เป็นชื่อย่อของเซต
เช่น A
, B , C , D , … , Z
2. ใช้อักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็กแทนสมาชิกของเซต เช่น
a ,
b , c , d , … , z
3. ใช้วงเล็บปีกกาแทน เซต เช่น A = { b , o , y
} B = { x/x2
= 16 }
4. ใช้สัญลักษณ์ “∈ ” แทนคำว่า “เป็นสมาชิกของ”
และ “ ∉
” แทนคำว่า “ไม่ เป็นสมาชิกของ”
เช่น A
= { 2 , 3 , 5 }
จะเห็นว่า 2 เป็นสมาชิกของเซต
A
เราเขียนแทนด้วย 2∈A
7 ไม่เป็นสมาชิกของเซต A เราเขียนแทนด้วย 7∉A
5. ใช้สัญลักษณ์ n (A) แทนจำนวนสมาชิกของเซต A
เช่น A
= { a , e , i , o , u } n(A) = 5
6. ถ้าสมาชิกในเซตเดียวกันซ้ำกัน ให้ถือว่า เซตนั้นมีสมาชิกดังกล่าวเพียงตัวเดียว
เช่น {
1 , 2 , 2 , 3 , 3 } จะเท่ากับ { 1 , 2 , 3 }
การเขียนเซต
การกล่าวถึงเซตใดเซตหนึ่ง นอกเหนือจากบรรยายลักษณะของสมาชิกในเซตนั้นแล้ว เรามีวิธีการเขียนเซต
ในรูปแบบสัญลักษณ์ ซึ่งมีวิธีเขียนได้ 2 แบบ คือ
1. แบบแจกแจงสมาชิก
วิธีนี้เขียนสมาชิกทุกตัวในวงเล็บปีกกา และใช้เครื่องหมายจุลภาค “ , ” คั่นระหว่างสมาชิกแต่ละตัว
1.1 ถ้าสมาชิกของเซตมีน้อย ให้เขียนให้ครบ
เช่น เซตของจำนวนนับที่น้อยกว่า 10
A = { 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9
, 10 }
1.2 ถ้าสมาชิกของเซตนั้นมีมากและเป็นระเบียบ สามารถทราบสมาชิดตัวต่อๆ ไปได้เรารู้สมาชิกตัวแรกและตัวสุดท้าย
เราสามารถละ สมาชิกช่วงกลางๆ ได้โดยใช้จุด 3 จุด “ … ” แทน
เช่น เซตของจำนวนเต็มบวกที่มีค่าไม่เกิน 100 A
= { 1 , 2 , 3 , … , 100 }
เซตของพยัญชนะภาษาไทย B = { ก , ข , ฃ ,
... , ฮ }
1.3 ถ้าสมาชิกของเซตมีมากจนไม่สิ้นสุด และเป็นระเบียบสามารถทราบสมาชิกตัวต่อๆ ไปได้
เราก็เขียนเฉพาะตัวแรกๆ สามารถละสมาชิกช่วงหลังๆ ได้โดยใช้จุด 3 จุด “
… ”
เช่น - เซตของจำนวนเต็มลบที่
10 หารลงตัว A = { -10 , -20 , -30 , … }
- เซตของจำนวนนับ B
= { 1 , 2 , 3 , … }
เอกภพสัมพัทธ์ ( Universal Set )
บทนิยาม
เอกภพสัมพัทธ์ ( Universal Set )
คือเซตที่กำหนดขึ้นโดยมีข้อตกลงว่า จะไม่กล่าวถึงสิ่งใดนอกเหนือไปจากสมาชิกของเซตที่กำหนดขึ้นนี้
ข้อตกลง นิยมใช้ U แทนเอกภพสัมพัทธ์
2. แบบบอกเงื่อนไข
การเขียนแบบบอกเงื่อนไขของสมาชิกของเซต
เริ่มต้นด้วยการกำหนดเอกภพสัมพัทธ์ ( Universal ) วิธีนี้จะใช้ตัวแปรแทนสมาชิกของเซต พร้อมทั้งอธิบายคุณสมบัติของสมาชิกที่อยู่ในเซตนั้น
ระหว่างตัวแปรกับคำอธิบายคั่นด้วยเครื่องหมาย “ / ” ( อ่านว่า โดยที่ ) แล้วเขียนวงเล็บปีกกาคร่อม
เช่น U = { 0 , 1 , 2
, 3 , 4 , 5 , 6 }
A
= { x∈U / x เป็นจำนวนคี่ }
อ่านว่า A เป็นเซตที่ประกอบด้วย x ซึ่งเป็นสมาชิกของ U โดยที่ x เป็นจำนวนคี่ หรือ อาจเขียน
A
= { x / x∈U และ x
เป็นจำนวนคี่ } ถ้าจะเขียน A แบบแจกแจงสมาชิกจะได้ A = { 1 , 3 , 5 }
ในการสร้างเซตแบบบอกเงื่อนไขแต่ละครั้ง
ถ้าเรากำหนดเอกภพสัมพัทธ์ไว้ก่อนแล้วการเขียนเซตไม่จำเป็นต้องเขียนเอกภพสัมพัทธ์กำกับไว้ภายในเซตนั้นก็ได้
แต่จะต้องพึงระวัง ระลึกไว้เสมอว่า สมาชิกของทุกเซตที่จะกล่าวต่อไป จะต้องเป็นสมาชิกของเอกภพสัมพัทธ์ที่กำหนดให้
ดังเช่น กำหนดเอกภพสัมพัทธ์
U
= { 1 , 2 , 3 , … , 25 }
A
= { x / x มี 5 เป็นตัวประกอบ }
จะได้ A = { 5 , 10 ,
15 , 20 , 25 }
B
= { x /x เป็นจำนวนเฉพาะ }
จะได้ B = { 2 , 3 , 5
, 7 , 11 , 13 , 17 , 19 , 23 }
- หมายเหตุ ในการกล่าวถึงเซตซึ่งมีสมาชิกเป็นจำนวน มีข้อตกลงว่า ถ้ามิได้กำหนดเอกภพสัมพัทธ์มาให้ ให้ถือว่าเอกภพสัมพัทธ์ คือ เซตของจำนวนจริง
- สัญลักษณ์แทนเซตของจำนวนต่างๆ
จำนวนนับ แทนด้วย N โดยที่ N = { 1 , 2 , 3 , … }
จำนวนเต็ม แทนด้วย I โดยที่ I = { … , -3 , -2 , -1 , 0 , 1 , 2 , 3 ,
…}
จำนวนเต็มลบ แทนด้วย I - โดยที่ I - = { -1 , -2 , -3 , … }
จำนวนเต็มศูนย์ แทนด้วย I 0 โดยที่ I 0 = { 0 }
จำนวนเต็มบวก แทนด้วย I + โดยที่ I + = { 1 , 2 , 3 , … }
จำนวนตรรกยะ แทนด้วย โดยที่
Q
เป็นจำนวนที่เขียนแทนด้วยเศษส่วนได้
Q
จำนวนอตรรกยะ แทนด้วย Q โดยที่ Q′′ เป็นจำนวนที่ไม่ใช่จำนวนตรรกยะ
จำนวนจริง แทนด้วย R ประกอบไปด้วยจำนวนตรรกยะและอตรรกยะ
ชนิดของเซต
เซตว่าง [ Empty set or
Null set ]
หมายถึงเซตที่ไม่มีสมาชิกอยู่เลย
หรือเซตที่มีจำนวนสมาชิกเท่ากับศูนย์
ข้อตกลง เราใช้สัญลักษณ์
φ หรือ { } แทนเซตว่าง
ตัวอย่างเซตที่เป็นเซตว่างคือ 1. เซตของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่เป็นผู้หญิง
2. { x / x2 = -4}
3. { x / x เป็นสระในคำว่า “มรกต” }
เซตจำกัด [ Finite set ]
หมายถึงเซตที่มีจำนวนสมาชิกเป็นจำนวนเต็มบวกหรือศูนย์
จำนวนสมาชิกของเซตจำกัด A เขียนด้วย n(A) ดังนั้น n(A) จะหาค่าได้ และเป็นจำนวนเต็มบวกหรือศูนย์ ก็ต่อเมื่อ Aเป็นเซตจำกัด
เซตอนันต์ [ Infinite set ]
หมายถึงเซตที่ไม่ใช่เซตจำกัด
มีสมาชิกมากมายนับไม่ถ้วน
ตัวอย่างเซตที่เป็นเซตอนันต์
1. A = { 1 , 2 , 3 , … }
2. B = { x / x เป็นจำนวนคี่ }
3. C = { x / x เป็นจำนวนเฉพาะ }
เซตที่เท่ากัน
เซต A เท่ากับ เซต B ก็ต่อเมื่อ เซตทั้งสองมีสมาชิกเหมือนกัน
สัญลักษณ์ ถ้า A และ B เป็นเซตที่เท่ากัน เราจะเขียนแทนด้วย A=B
ถ้า A และ B เป็นเซตที่ไม่เท่ากัน เราจะเขียนแทนด้วย A≠B
ตัวอย่างการเท่ากันของเซต
1. กำหนดให้ A = { x / x เป็นพยัญชนะในคำว่า set }
A
= { s , e , t }
B
= { x / x เป็นพยัญชนะในคำว่า test }
B
= { t , e , s }
A=B
2.
กำหนดให้ A = { x / x∈N
และ x < 6 }
A
= { 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 } B = { 0 , 1 , 2 , 3 , 4 , 5 }
AB
≠
3. กำหนดให้ U = เซตของพยัญชนะภาษาไทย
A
= เซตของพยัญชนะในคำว่า “สามัคคี”
B
= เซตของพยัญชนะในคำว่า “สมาคม”
C
= เซตของพยัญชนะในคำว่า “คำสมาส”
D
= เซตของพยัญชนะในคำว่า “ดอกไม้”
E
= เซตของพยัญชนะในคำว่า “มอดกัดไม้”
จะได้ A=B=C และ D=E
สับเซต [ Subset ]
บทนิยาม เซต A เป็นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวของเซต A เป็นสมาชิกของเซต B
ข้อตกลง A เป็นสับเซตของ B เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ AB ⊂
สิ่งที่ควรทราบ เซต A ไม่เป็นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ ถ้ามีสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งตัวของ A ไม่เป็นสมาชิกของเซต B
ข้อตกลง A ไม่เป็นสับเซตของ B เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ A⊄B
ตัวอย่าง 1. กำหนดให้ A = { 1 ,2 ,3 ,4
}
B
= {x∈N / 2x < 9 } B = { 1 ,2 ,3 ,4 }
A⊂B
2. กำหนดให้ A = {x / x + x =
12 } A = { 6 }
B
= {x / x2 =
36 } B = { -6,6 }
A⊂B
3. กำหนดให้ A = {x∈I
/ 2 ≤ x < 7 } A = { 2 ,3 ,4 ,5 ,6 }
B
= { x∈N / x≤ 5 } B = { 1 ,2 ,3 ,4 ,5 }
A⊄B
เพราะ 6∈A
แต่ 6∉B
คุณสมบัติของสับเซตบางประการที่น่าสนใจ
1. เซตทุกเซตเป็นสับเซตของตัวมันเอง
กล่าวคือ ถ้า A เป็นเซตใดๆ แล้ว A⊂A
2. เซตว่างเป็นสับเซตของเซตทุกเซต
กล่าวคือ ถ้า A เป็นเซตใดๆ แล้ว ⊂φA
3. สับเซตมีคุณสมบัติการถ่ายทอด
กล่าวคือ ถ้า AB และ B⊂C แล้ว AC ⊂⊂
ตัวอย่าง 1. กำหนดให้ A = { 3 } จงเขียนสับเซตทั้งหมดของ A
สับเซตทั้งหมดของ A มี 2 เซตคือ
1. φ
2. { 3 }
2. กำหนดให้ A = { 1,2 } จงเขียนสับเซตทั้งหมดของ A
สับเซตทั้งหมดของ A มี 4 เซตคือ
1. φ
2. { 1 }
3. { 2 }
4. { 1 ,2 }
3. กำหนดให้ A = { a ,b ,c } จงเขียนสับเซตทั้งหมดของ A
สับเซตทั้งหมดของ A มี 8 เซตคือ
1. φ
2. { a }
3. { b }
4. { c }
5. { a ,b }
6. { a ,c }
7. { b ,c }
8. { a ,b ,c }
สับเซตแท้ [ Proper Subset
]
A เป็นสับเซตแท้ของ B ก็ต่อเมื่อ A⊂B และ A≠B
A เป็นสับเซตแท้ของ B ก็ต่อเมื่อ A⊂B และ A≠B
กำหนดให้ A = { -1 ,3 } จงหาสับเซตแท้ทั้งหมดของ A
สับเซตแท้ทั้งหมดของ A มี 3 เซตคือ
1. φ
2. { -1 }
3. { 3 }
กำหนดให้ A = { a ,b ,c } จงหาสับเซตแท้ทั้งหมดของ A
สับเซตแท้ทั้งหมดของ A มี 7 เซตคือ
1. φ
2.
{ a
}
3. { b }
4. { c }
5. { a ,b }
6. { a ,c }
7. { b ,c }
จำง่ายๆ ก็คือ สับเซตแท้ของ A คือ สับเซตของ A ทุกตัวยกเว้นเซต A เอง
ข้อสังเกต 1. ในกรณีที่ A เป็นเซตจำกัด จำนวนสับเซตทั้งหมดของ A และจำนวนสมาชิกของ A
มีความสัมพันธ์กันดังนี้
ถ้า n(A) = k แล้ว จำนวนสับเซตทั้งหมดของ A = 2k เซต
ดังนั้น จำนวนสับเซตแท้ทั้งหมดของ
A =
2k -
1 เซต
2. ถ้า A =φ แล้ว จะไม่มีสับเซตแท้ของ A ทั้งนี้เพราะสับเซตของ A มีเพียงเซตเดียวคือ φ
เท่ากับ A ดังนั้น เซตว่างไม่มีสับเซตแท้
แผนภาพของเวนน์ – ออยเลอร์ [ Venn – Euler Diagram ]
การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเซต
ในบางครั้งการเขียนแผนภาพจะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและทำให้คิดโจทย์ได้เร็วและชัดเจนมากขึ้น
เรียกการเขียนแผนภาพแทนเซตนี้ว่า “แผนภาพของเวนน์ –
ออยเลอร์”
ในการเขียนแผนภาพของเวนน์
– ออยเลอร์ เริ่มด้วยการใช้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือรูปปิดใดๆ
แทนเอกภพสัมพัทธ์ ( U ) และใช้รูปวงกลมหรือวงรี หรือรูปปิดใดๆ แทนเซตต่างๆ
ที่เป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์
U
แผนภาพแสดงเอกภพสัมพัทธ์
U
U
แผนภาพแสดงเซต A ซึ่งเป็นสับเซตของ U
A
A
U
แผนภาพแสดงเซต A และ B ซึ่งเป็นสับเซตของ
B
และเซต A กับเซต B ไม่มีสมาชิกร่วมกัน [ disjoint set ]
U
แผนภาพแสดงเซต A และ B ซึ่งเป็นสับเซตของ U
A
B และเซต A กับเซต B มีสมาชิกบางตัวร่วมกัน ซ้ำกัน [ joint set ]
A,B U แผนภาพแสดงเซต A และ B
ซึ่งเป็นสับเซตของ U
และ A = B [ AB และ BA ] ⊂⊂
B
U แผนภาพแสดงเซต A และ B ซึ่งเป็นสับเซตของ U
A
และ A เป็นสับเซตแท้ของ B [ AB ] ⊂
A
U แผนภาพแสดงเซต A และ B ซึ่งเป็นสับเซตของ U
B
และ B เป็นสับเซตแท้ของ A [ B⊂A
]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น